เมื่อเราเกษียญ เราจะต้องหา "กระแสเงินสด" จากที่อื่น เพื่อมาแทน "เงินเดือน" ที่เราจะไม่มีอีกแล้ว
(ณ ตอนนี้ ถ้าไม่มีกองไหนที่เหมาะกว่า) ผมขอแนะนำ BCAP ของบัวหลวง
ด้วย นโยบาย ปันผลปีละ 4 ครั้ง และไม่ต่ำกว่า 95% ของกำไรในแต่ละรอบ(ไตรมาส) และปันผลเป็นทศนิยมถึง "8" หลัก
ซึ่ง "ผม" ไม่ต้องการที่จะสร้าง "มูลค่า" ให้เงินก้อนนี้เติบโตขึ้น
แต่ "ผม" ต้องการให้เงินก้อนนี้ สร้าง "กระแสเงินสด" อย่างเป็น "ประจำ" และ "ตลอดไป" ให้ได้มากที่สุด
ถือซะว่า เงินก้อนนี้ เป็นการซื้อ "เงินสดในอนาคต" จนกว่าผมจะตาย
ผมมีกองทุนหุ้นปันผลอยู่ใน List 4 กอง คือ BKD/BCAP/KFSDIV/HI-DIV
เนื่องจาก "ผม" ไม่ต้องการสร้างมูลค่าให้กับเงินก้อนนี้ และ ต้องการเงินปันผลอย่างเป็นประจำ และ "มากที่สุด"
ดังนั้น KFSDIV จึงตกรอบนี้ไป จากนโยบายของกองทุนที่ต้องการสร้างทั้ง Cap-gain และ ปันผล
ทำให้ปันผลน้อยกว่าสามกองที่เหลือ และด้วยความที่ไม่ต้องการขาย ดังนั้น %ขาออกจึงไม่นำมาคิด
จากทั้ง 4 กอง KFSDIV มี%ขาเข้า 0.2 BCAP/BKD เป็น 0 และ HI-DIV เป็น 0 บางเวลา
จึงมีกองทุนปันผล(เยอะ, บ่อย) เข้ารอบต่อไปแค่ 3 กองทุน BCAP/BKD/HI-DIV
ที่นี้เรามาดูว่า "ระยะยาว" กองทุนไหน สามารถสร้างความมั่นใจให้กับการฝากเงินก้อนนี้ไว้มากกว่า
"สำหรับผม" HI-DIV ถือเป็นกองทุุนใหม่ เนื่องจากเปิดมาแค่ 3-4 ปี เท่านั้นเอง
เปิดกองทุนมาเอาตอนที่ "แฮมเบอเกอร์" จบลงแล้ว แล้วตลาดกำลัง "ฟื้น" จึงยังไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวเท่าไหร่
และที่สำคัญ MFC ก็เปิดมานานเป็น 10-20 ปี "กองทุนหุ้นเก่าๆหายไปไหน" จากสายตานักลงทุนใหม่ๆ
ทำไม MFC ถึงมีคนพูดถึงแต่ HI-DIV แค่กองเดียวซะส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่ส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ "ไม่มีใคร" ที่จะพูดถึงกองทุนอื่นเลย
ในขณะที่ บัวหลวง มีทั้ง BKA/BKA2/BKD/BCAP/BTP/BTK/B-SUB/B-INFRA ที่มีอายุ 10+ ปี
และยังคงมีผลตอบแทนสูง "จนถึงทุกวันนี้" เป็นกองทุนต้นๆ เกือบทั้งหมด
ถ้าลองเปิด MorningStar แล้วเลือกระยะเวลา 10 ปี ในPage 20 รายการ แล้วดูที่ return
มีกองทุนของบัวหลวง 7 กองทุน ติด top 10 และ BTK ต่ำกว่าอันดับ 20
ในขณะที่ MFC มีแค่ ร่วมพัฒนาสอง เท่านั้น! ที่อยู่ในอันดับ 20 พอดี
แต่ถ้าเข้าไปดูของ MFC โดยเฉพาะ จะพบว่า มีกองทุนหุ้นที่เปิดมาเกิน 10 ปี กว่า 20 กองด้วยซ้ำ
เกือบ 20 กองเหล่านั้น หายไปไหนจากสายตานักลงทุน มีอะไรเกิดขึ้น?
ในจุดนี้ บัวหลวง สามารถสร้างความมั่นใจ "ให้กับผม" ได้มากกว่า MFC (สำหรับการเลือก บลจ. ไม่ใช่ ตัวกองทุน)
มาตอนนี้ จึงมีผู้เข้ารอบ แค่ BCAP กับ BKD เท่านั้น
ถ้าเข้าไปดูสถิติของบัวหลวง BKD ก่อตั้ง 2537 เริ่มปันผลในปี 38 และต้องมาเจอกับ "ต้มยำกุ้ง"
จึงทำให้ปันผลได้อีกทีก็ปี 47 แล้ว เป็นเวลากว่า 8 ปี ที่ไม่ได้จ่ายปันผล
แต่ก็จ่ายปันผลมาตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ มี 3 ปี ที่จ่ายปันผลแค่ครั้งเดียวคือ 49 51 52
ในขณะที่ BCAP ก่อตั้ง 2539 และเริ่มปันผลปี 40 และหายไปเพียงแค่ 1 ปีกว่า
กลับมาจ่ายปันผลอีกทีในปี 42 แต่ก็ "น้อยมากกกก" และค่อยๆเพิ่มขึ้นในปีถัดๆไป
และไม่มีปีไหนที่ไม่จ่ายปันผลอีกเลย ปี 42 จ่ายครั้งเดียว 43จ่าย2ครั้ง 44จ่าย1ครั้ง และ 45จ่าย2ครั้ง
49จ่าย3 50จ่าย3 51จ่าย2 52จ่าย2 54จ่าย2 นอกนั้นจ่าย 4 ครั้งตลอด
โดยเฉพาะถ้าเทียบกันปีต่อปี BCAP จ่ายมากกว่า BKD ในขณะที่ Nav ใกล้เคียงกัน
ปี 47 BKD ปันผล 0.81 BCAP ปันผล 1.48968016 บาท ปี 48 0.51/1.78218869
หรือปีที่แล้ว 2555 1.21/1.56584126 ที่เหลือลองไปดูกันเอาเองนะครับ
และ BCAP มีค่าธรรมเนียมการจัดการรายปีที่ 1.2+% BKD 1.8+ KFSDIV 2.1+ และ HI-DIV 2.2+
ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดสำหรับกองทุนหุ้นแบบ Active ถ้าไม่นับแบบ Passive เช่น TMB50/TMB50DV อยู่ที่ 0.5+
ดังนั้น BKD เทียบ BCAP "ผม" จึงเลือก BCAP (ในกรณีที่ ถ้าผมเกษียญตอนนี้ และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง)
***แต่*** กว่าจะถึงตอนนั้น ผมคงไม่ซื้อ BCAP เป็นแน่ เพราะตอนนี้ผมต้องการ "สร้างมูลค่าเพิ่ม"
ดังนั้นผมจึงต้องการทั้ง Cap-gain (หรือ+ปันผล) ให้ได้มากที่สุด
ถ้าเป็นตอนนี้ ผมคงเลือก BKD มากกว่า BCAP เสียด้วยซ้ำ ทั้งในเรื่องของการเสียภาษีที่น้อยกว่า และความสะดวกในการซื้อ
ผมไม่มี และ ไม่เคยซื้อ BCAP เลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ศึกษาและเล็งๆไว้เฉยๆ ครับ
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ อยู่บนพื้นฐานความคิด "ของผม" เพียงคนเดียวเท่านั้น และในสถานการณ์ที่ว่า "เกษียญ" แล้ว
ผมอาจมองบางด้านตื้นเขินจนเกินไป หรืออาจมองไม่เห็นในหลายๆด้านเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้น กรุณาช่วยคิดตาม และศึกษาต่อในแนวทางของ "ตัวเอง" ด้วยครับ
หรือถ้าใครรู้จักหรือศึกษาแล้วค้นพบกองทุนไหนดีๆ ในแง่มุมต่างๆ (ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างกระแสเงินสดยาม "เกษียญ")
อยากจะแชร์ เชิญเลยครับ ผมจะได้ไตร่ตรองความคิดของผมอีกที เพราะผมต้องวางแผน "การเงิน"
สำหรับการ "เกษียญ" เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด หรือเกิดขึ้น "น้อยที่สุด" จากการทบทวนมาอย่างดีแล้ว
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
กองทุนหุ้นปันผล ที่เหมาะสำหรับชีวิตหลัง "เกษียญ"
(ณ ตอนนี้ ถ้าไม่มีกองไหนที่เหมาะกว่า) ผมขอแนะนำ BCAP ของบัวหลวง
ด้วย นโยบาย ปันผลปีละ 4 ครั้ง และไม่ต่ำกว่า 95% ของกำไรในแต่ละรอบ(ไตรมาส) และปันผลเป็นทศนิยมถึง "8" หลัก
ซึ่ง "ผม" ไม่ต้องการที่จะสร้าง "มูลค่า" ให้เงินก้อนนี้เติบโตขึ้น
แต่ "ผม" ต้องการให้เงินก้อนนี้ สร้าง "กระแสเงินสด" อย่างเป็น "ประจำ" และ "ตลอดไป" ให้ได้มากที่สุด
ถือซะว่า เงินก้อนนี้ เป็นการซื้อ "เงินสดในอนาคต" จนกว่าผมจะตาย
ผมมีกองทุนหุ้นปันผลอยู่ใน List 4 กอง คือ BKD/BCAP/KFSDIV/HI-DIV
เนื่องจาก "ผม" ไม่ต้องการสร้างมูลค่าให้กับเงินก้อนนี้ และ ต้องการเงินปันผลอย่างเป็นประจำ และ "มากที่สุด"
ดังนั้น KFSDIV จึงตกรอบนี้ไป จากนโยบายของกองทุนที่ต้องการสร้างทั้ง Cap-gain และ ปันผล
ทำให้ปันผลน้อยกว่าสามกองที่เหลือ และด้วยความที่ไม่ต้องการขาย ดังนั้น %ขาออกจึงไม่นำมาคิด
จากทั้ง 4 กอง KFSDIV มี%ขาเข้า 0.2 BCAP/BKD เป็น 0 และ HI-DIV เป็น 0 บางเวลา
จึงมีกองทุนปันผล(เยอะ, บ่อย) เข้ารอบต่อไปแค่ 3 กองทุน BCAP/BKD/HI-DIV
ที่นี้เรามาดูว่า "ระยะยาว" กองทุนไหน สามารถสร้างความมั่นใจให้กับการฝากเงินก้อนนี้ไว้มากกว่า
"สำหรับผม" HI-DIV ถือเป็นกองทุุนใหม่ เนื่องจากเปิดมาแค่ 3-4 ปี เท่านั้นเอง
เปิดกองทุนมาเอาตอนที่ "แฮมเบอเกอร์" จบลงแล้ว แล้วตลาดกำลัง "ฟื้น" จึงยังไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวเท่าไหร่
และที่สำคัญ MFC ก็เปิดมานานเป็น 10-20 ปี "กองทุนหุ้นเก่าๆหายไปไหน" จากสายตานักลงทุนใหม่ๆ
ทำไม MFC ถึงมีคนพูดถึงแต่ HI-DIV แค่กองเดียวซะส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่ส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ "ไม่มีใคร" ที่จะพูดถึงกองทุนอื่นเลย
ในขณะที่ บัวหลวง มีทั้ง BKA/BKA2/BKD/BCAP/BTP/BTK/B-SUB/B-INFRA ที่มีอายุ 10+ ปี
และยังคงมีผลตอบแทนสูง "จนถึงทุกวันนี้" เป็นกองทุนต้นๆ เกือบทั้งหมด
ถ้าลองเปิด MorningStar แล้วเลือกระยะเวลา 10 ปี ในPage 20 รายการ แล้วดูที่ return
มีกองทุนของบัวหลวง 7 กองทุน ติด top 10 และ BTK ต่ำกว่าอันดับ 20
ในขณะที่ MFC มีแค่ ร่วมพัฒนาสอง เท่านั้น! ที่อยู่ในอันดับ 20 พอดี
แต่ถ้าเข้าไปดูของ MFC โดยเฉพาะ จะพบว่า มีกองทุนหุ้นที่เปิดมาเกิน 10 ปี กว่า 20 กองด้วยซ้ำ
เกือบ 20 กองเหล่านั้น หายไปไหนจากสายตานักลงทุน มีอะไรเกิดขึ้น?
ในจุดนี้ บัวหลวง สามารถสร้างความมั่นใจ "ให้กับผม" ได้มากกว่า MFC (สำหรับการเลือก บลจ. ไม่ใช่ ตัวกองทุน)
มาตอนนี้ จึงมีผู้เข้ารอบ แค่ BCAP กับ BKD เท่านั้น
ถ้าเข้าไปดูสถิติของบัวหลวง BKD ก่อตั้ง 2537 เริ่มปันผลในปี 38 และต้องมาเจอกับ "ต้มยำกุ้ง"
จึงทำให้ปันผลได้อีกทีก็ปี 47 แล้ว เป็นเวลากว่า 8 ปี ที่ไม่ได้จ่ายปันผล
แต่ก็จ่ายปันผลมาตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ มี 3 ปี ที่จ่ายปันผลแค่ครั้งเดียวคือ 49 51 52
ในขณะที่ BCAP ก่อตั้ง 2539 และเริ่มปันผลปี 40 และหายไปเพียงแค่ 1 ปีกว่า
กลับมาจ่ายปันผลอีกทีในปี 42 แต่ก็ "น้อยมากกกก" และค่อยๆเพิ่มขึ้นในปีถัดๆไป
และไม่มีปีไหนที่ไม่จ่ายปันผลอีกเลย ปี 42 จ่ายครั้งเดียว 43จ่าย2ครั้ง 44จ่าย1ครั้ง และ 45จ่าย2ครั้ง
49จ่าย3 50จ่าย3 51จ่าย2 52จ่าย2 54จ่าย2 นอกนั้นจ่าย 4 ครั้งตลอด
โดยเฉพาะถ้าเทียบกันปีต่อปี BCAP จ่ายมากกว่า BKD ในขณะที่ Nav ใกล้เคียงกัน
ปี 47 BKD ปันผล 0.81 BCAP ปันผล 1.48968016 บาท ปี 48 0.51/1.78218869
หรือปีที่แล้ว 2555 1.21/1.56584126 ที่เหลือลองไปดูกันเอาเองนะครับ
และ BCAP มีค่าธรรมเนียมการจัดการรายปีที่ 1.2+% BKD 1.8+ KFSDIV 2.1+ และ HI-DIV 2.2+
ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดสำหรับกองทุนหุ้นแบบ Active ถ้าไม่นับแบบ Passive เช่น TMB50/TMB50DV อยู่ที่ 0.5+
ดังนั้น BKD เทียบ BCAP "ผม" จึงเลือก BCAP (ในกรณีที่ ถ้าผมเกษียญตอนนี้ และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง)
***แต่*** กว่าจะถึงตอนนั้น ผมคงไม่ซื้อ BCAP เป็นแน่ เพราะตอนนี้ผมต้องการ "สร้างมูลค่าเพิ่ม"
ดังนั้นผมจึงต้องการทั้ง Cap-gain (หรือ+ปันผล) ให้ได้มากที่สุด
ถ้าเป็นตอนนี้ ผมคงเลือก BKD มากกว่า BCAP เสียด้วยซ้ำ ทั้งในเรื่องของการเสียภาษีที่น้อยกว่า และความสะดวกในการซื้อ
ผมไม่มี และ ไม่เคยซื้อ BCAP เลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ศึกษาและเล็งๆไว้เฉยๆ ครับ
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ อยู่บนพื้นฐานความคิด "ของผม" เพียงคนเดียวเท่านั้น และในสถานการณ์ที่ว่า "เกษียญ" แล้ว
ผมอาจมองบางด้านตื้นเขินจนเกินไป หรืออาจมองไม่เห็นในหลายๆด้านเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้น กรุณาช่วยคิดตาม และศึกษาต่อในแนวทางของ "ตัวเอง" ด้วยครับ
หรือถ้าใครรู้จักหรือศึกษาแล้วค้นพบกองทุนไหนดีๆ ในแง่มุมต่างๆ (ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างกระแสเงินสดยาม "เกษียญ")
อยากจะแชร์ เชิญเลยครับ ผมจะได้ไตร่ตรองความคิดของผมอีกที เพราะผมต้องวางแผน "การเงิน"
สำหรับการ "เกษียญ" เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด หรือเกิดขึ้น "น้อยที่สุด" จากการทบทวนมาอย่างดีแล้ว
ขอบคุณล่วงหน้าครับ